หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อยากลืมกลับจำ

ไม่รู้เป็นยังไง ทำไมชีวิตของโกช่วงนี้มันถึงได้วนเวียนอยู่แต่กับไอ้เรื่องสั้นๆ ยาวๆ อยู่นี่แล้ว
เมื่อคืนนอนนึกอยู่ว่า อยากจะเขียนถึงความหมายของเพลงนี้ เช้าขึ้นมาก็มานั่งหาข้อมูลจากเน็ท
ปรากฏว่าสมัยใหม่นี้เค้าเอาไปร้องเป็นเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว”
ขับร้องโดย ญารินดา เห็นว่าฮอตฮิตกันพอสมควร ใครได้ดูหนังเรื่องนี้บ้าง ยกมือขึ้น
โกไม่เคยฟังที่คุณคนนี้เค้าร้องหรอกนะครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามันได้ไปอยู่ในหนัง เพราะไม่ได้ดูหนัง
แต่นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาเฉยๆ จากความทรงจำที่ไม่สั้นของโกเหมือนกัน เพราะช่วงนี้มีคนเข้ามาโพสท์เรื่องความรักเอย..กันบ่อยๆ
โดยเฉพาะเจ๊ช่อ บ่อยเป็นพิเศษ โกก็เรื่อยเปื่อยตามน้ำไปกับเค้าด้วย เดี๋ยวจะหาว่าโกไม่อินเทรนด์ 555
เวอร์ชั่นที่โกจะพูดถึงนี้ ร้องกันมานานหลายปีแล้วนะ โดย ฐิติมา สุตสุนทร (แหวน)
แต่งคำร้องและทำนองโดย สุรพล โทณวนิก
เนื้อเพลงเค้าว่ายังงี้ครับ

เพลงอยากลืมกลับจำ

บางสิ่งที่อยากจำเรากลับลืม บางสิ่งที่อยากลืมเรากลับจำ
คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขำ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ

อดีตที่ผ่านไปไม่กลับมา ช่างเจ็บปวดอุราเรากลับจำ
คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขำ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ

ถ้าลืมความหลังได้ ใจจะเปี่ยมสุข ไม่มีความทุกข์ คอยปลุกคอยตาม
คนเรานี้ คิดให้ดีก็น่าขำ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ

ยามอ่านท่องหนังสือเรากลับลืม เรื่องโศกเรื่องเศร้าซึมเรากลับจำ
คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขำ อยากจำกลับลืมอยากลืมกลับจำ
อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ.

โกอยากพูดให้ฟังถึงเพลงนี้เพราะเนื้อหาของมันหรอกนะ
ไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องเพลงนี้มันไพเราะ เพราะไม่เพราะยังไง
สาวๆ หลายคนอาจจะมีความรักความหลังกับแฟน โดนแฟนทิ้งหรือเพิ่งทิ้งแฟนไป
หรือใครอาจจะมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ยังไม่หายโศกเศร้า
ลองพินิจพิจารณาเนื้อหาของเพลงนี้ดูนะครับ “บางเรื่องที่ควรจะลืมเรากลับจำ และทำในสิ่งตรงกันข้าม”

แล้วเมื่อไหร่คุณท่านถึงจะมีความสุขกับเค้าซะทีล่ะครับ
พระท่านว่า “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก กุ๊กกุ๊ก ปลงเสียเถิดแม่จำเนียร”
แปลว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เหมือนลูกไก่ย่อมไปเกิดเป็นไข่ดาว

อะไรที่เราปล่อยให้มันผ่านเลยไปได้ ก็ปล่อยๆมันไปซะบ้าง
อะไรที่เราวางมันลงได้ ก็วางมันลงซะบ้าง ยึดติดกับทุกข์โศกอยู่ร่ำไป ก็ใช่จะทำให้อะไรดีขึ้น
มีแต่จะทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนล้าโรยแรง
จิตที่เข็มแข็งนำมาซึ่งความแข็งแรงแห่งกายตน ซึ่งจะตามมาด้วยความสงบสุขของชีวิต

“ความคิดเป็นเหตุแห่งความทุกข์ และก็เป็นเหตุแห่งความสุขได้ พึงรอบคอบในการใช้ความคิด คิดให้ดี
คิดให้งาม คิดให้ถูก คิดให้ชอบ แล้วชีวิตในชาตินี้ก็จะงดงาม สืบเนื่องไปถึงภพชาติใหม่ได้ด้วย

ความคิดก็เหมือนร่างกาย เหมือนต้นหมากรากไม้ ต้องการความดูแลรักษา
ไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่เติบโตเจริญงอกงาม หรือเติบโตก็อย่างระเกะระกะ ไม่เป็นระเบียบงดงาม
เป็นคนก็ไม่เรียบร้อยไม่เป็นที่เจริญตาเจริญใจ ใครที่ไหนเล่าจะชื่นชมคนเช่นนั้น

ความคิดหรือจิตใจก็เช่นเดียวกัน ต้องให้ปุ๋ยเสมอ คือ ให้ความถูกต้องด้วยปัญญา ด้วยสัมมาทิฐิ ความเห็นชอบว่าความดีหรือบุญกุศล เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับที่จะประคับประคองชีวิตไปสู่ความถูกต้องดีงามนานา ประการ

อย่าอยู่อย่างประมาท อย่าปล่อยความคิดให้วุ่นวายเปะปะไปเหมือนปล่อยเด็กเล็กๆ ให้เดินโซซัดโซเซไปตามลำพัง ย่อมมีทางหกล้มหกลุกแขนขาหัก หรือหัวร้างข้างแตก หรือถึงพิกลพิการได้ ถึงเป็นถึงตายก็ได้
ความคิดที่ไม่ได้รับความประคับประคองให้ดำเนินไปถูกทำนองคลองธรรม ย่อมมีทางเดินไปสู่ความหายนะได้อย่างแน่นอน”
คัดจาก http://www.dhammajak.net/book-somdej4/10.html

จำนิทานเรื่องพระธุดงค์อุ้มเด็กผู้หญิงข้ามลำธารได้มั้ยครับ
โกเคยหยิบยกมาเล่าให้ฟังครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เหมือนกันนั่นแหละ อะไรที่มันผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป
นะโยมนะ
ซ้าธุ

ปล.
ทำไมต้องมี ปล. ด้วยก็ไม่รู้
เป็นเพราะว่ามันต้องอธิบาย โกเขียนมาบรรยายเพ้อเจ้อเฉยๆนะ อย่าเข้าใจผิด
ยกเอาเจ๊ช่อมาอ้างเรื่องโพสท์ มันก็เป็นยังงั้นจริงๆ แต่เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเจ๊ช่อ ขออำภัยที่ต้องเอ่ยนามตามท้องเรื่อง

1 ความคิดเห็น: