หน้าเว็บ

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บัตรประชาชน หมดสต๊อค

อ่านเจอบทความของใครก็ไม่รู้ในโอเคเนชั่น จำไม่ได้แล้ว ขออำภัยนะครับ
ว่าวัสดุสำหรับทำบัตรประชาชนหมดทั่วไทย ก็เลยไปพิสูจน์ทราบมาด้วยตัวเอง
ปรากฏว่าตอนนี้ ที่อำเภอบ้านนอกๆ ยังพอได้อยู่ครับ
แต่ถ้าเป็นเมืองใหญ่ๆ จะหมดจริงๆ และจะได้ใบเหลืองไปแทน
บัตรประชาชน ทำที่อำเภอไหนก็ได้ครับ
ไม่จำเป็นต้องทำ ณ อำเภอที่ตัวเองอยู่เท่านั้น เค้าทันสมัยออนไลน์กันแล้ว

แต่คราวนี้ โกได้ประสบการณ์ใหม่จากการทำบัตรประชาชน
โกได้บัตรแบบที่มีซิมติดมาด้วย เอาไว้ทำอะไรก็ไม่รู้
บัตรแบบนี้จะมีชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษแถมมาให้ด้วย
วันเดือนปีเกิด ก็มีทั้งไทยและเทศ ถือว่าเป็นสากลดี จ่ายไป 30 บาท
แต่...
คุณท่านไม่ได้ถามเราซักคำว่า ชื่อนามสกุลของเราเขียนยังไง
ยัดเยียดมาให้ซะยังงั้น โกก็ประท้วง ณ ที่เกิดเหตุว่าสะกดนามสกุลผมผิด
เจ้าหน้าที่มองหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง แบบว่าคุณรู้ภาษาปะกิตเหรอ
มันจะผิดได้ยังไง อะไรทำนองนั้น
โกก็เลยบอกว่า มันสะกดไม่เหมือนในพาสปอร์ต เพื่อลดปัญหาไม่ต้องพูดมาก
คุณ จนท. ดันพูดว่า น่าจะเอาพาสปอร์ตมาด้วย แม้.. หาเรื่อง
โกเลยบอกว่า ผมจะเอามาทำไมล่ะครับ ผมก็สะกดนามสกุลตัวเองเป็น

พอจะขอทำใหม่ จนท.บอกว่า ทำวันนี้ไม่ได้ ต้องกลับมาทำพรุ่งนี้
อาจจะเป็นเรื่องทางเทคนิค โกก็ไม่อยากต่อความยาว
อยากจะถามเขาว่า ถ้าเป็นคนที่เดินทางมาจากที่ไกลๆ เค้าไม่ลำบากแย่หรือ
แล้วอีกอย่างก็ไม่ใช่ความผิดของเรา แต่ก็เอาวะ พรุ่งนี้มาใหม่ก็ได้

วันรุ่งขึ้น ไปแต่เช้าเลย ต้องทำทุกอย่างเหมือนเดิมอีกรอบ
ถ่ายรูปใหม่ แปะโป้งใหม่ แต่คราวนี้เสีย 20 บาท ไม่มีใบเสร็จเหมือนเดิม
โกก็ขี้เกียจทวงนะ เพราะถ้าทวงแล้วเรื่องมันจะเยอะ
แล้ว 2 วัน ทำไมราคามันไม่เท่ากัน(วะ)

แอบถาม จนท.อีกครั้งว่า ภาษาปะกิตน่ะ มันเป็นโปรแกรมอัติโนมัติหรืออย่างไรเขาก็บอกว่าใช่เลย
เขียนภาษาไทยไปยังไง มันแปลให้เสร็จสรรพ
ก็ว่ากันไป จะแก้ตัวหรืออย่างไร โกไม่ติดใจ

แต่ก็อดเหน็บไปนิดไม่ได้ว่า 20 บาท นี่น่าจะให้พวกคนออกกันคนละ 10 บาทนะ
แล้วฝากไปบอกเจ้ากระทรวงของคุณด้วยนะว่า
ไอ้โปรแกรมแปลชื่ออัตโนมัติน่ะ มันใช่ไม่ได้หรอก เครื่องมันจะตรัสรู้ได้ยังไงว่าชื่อ-นามสกุลของใครเค้าจะเขียนยังไง พอผิดก็กลายเป็นความบกพร่องของประชาชน
ฮ่วย..

ใครจะทำบัตรใหม่ ก็ระวังเรื่องนี้ด้วยนะครับ

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ยกมือไหว้ ทักทายกัน

ไม่ว่าจะไปทำงานที่โรงแรมไหน สิ่งหนึ่งที่จะต้องทำโดยเด็ดขาดก็คือ
การอบรมมารยาทของพนักงาน ไม่ว่าจะสูงจะต่ำระดับไหนก็ตาม
หนึ่งในหัวข้อเรื่องมารยาทที่พยายามพร่ำสอนมาโดยตลอดก็คือ การทักทายลูกค้าด้วยการไหว้
ทั้งนี้รวมถึงการทักทายหัวหน้างาน ไม่ว่าจะตรง จะอ้อม ก็ด้วย

แต่ปัญหามันมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ
แม้จะบอกพนักงานว่า อย่าไปคิดว่าเป็นการแสดงความเคารพสิไอ้น้อง
โกรู้ว่าคุณอาจจะไม่อยากไหว้เค้า เพราะเค้าไม่น่านับถือ
แต่ให้ถือว่ามันเป็นแค่การทักทายตามมารยาท
เราทักทายกันด้วยวิธี "ไหว้" เพราะมันเป็นวัฒนธรรมของคนไทย

เด็กมันสวนกลับมาว่า "ผมไหว้เค้าแล้ว เค้าไม่เห็นจะรับไหว้ผม ผมก็เลยไม่ไหว้(มัน)อีก"
เห็นมั้ย ข้อโต้แย้งมันเริ่มจากผู้ใหญ่กว่าทำตัวไม่น่ารักด้วยเหมือนกัน

ก็แล้วเวลาไหว้เจ้าของโรงแรม เค้ารับไหว้หล่อนทุกคนรึเปล่าล่ะ
"แหมพี่.. นั่นเจ้าของโรงแรมอ่ะ ไม่เป็นไร"
5555 เอ็งก็ Double Standard สินะ ทันสมัยน่าดูเลยวุ้ย..
ไหว้ๆ ไปเถอะน่า ยกสองมือมาประกบกันตรงหน้าตัวเอง เสียพลังงานนิดเดียว

ส่วนมากแล้วพนักงานเด็กๆ มักจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแบบนี้นะครับ
ส่วนใหญ่ก็จะให้ความร่วมมือด้วยดี
ปัญหามักจะเกิดกับพวกใหญ่ๆ ระดับ ผช. ผจก. หรือ ผจก. มากกว่า
ใหญ่กว่านั้น เราก็อย่าไปพูดถึงเขาเลยนะครับ
พวกหัวหน้าทั้งหลายนี่แหละตัวดี ไม่ค่อยให้ความร่วมมือหรอก
ไม่รู้ว่านาฬิกาข้อมือมันถ่วงเอาไว้ หรือ Wrist Band มันอันใหญ่เกินไป
ยกมือไม่ขึ้นกันเลย
จริงๆน่าจะเป็นจิตใจที่ไร้สำนึกมากกว่าที่ถ่วงเอาไว้
ทำไงถึงจะล้างสิ่งโสโครกเหล่านี้ให้หมดไปได้ก็ไม่รู้
คงต้องใช้เวลาอีกนาน

บ่นๆไปยังงั้นแหละครับ ยังไงก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสอนกันต่อไป
จนกว่าจะตายกันไปข้าง.