หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

ลำบากจังเลย


วันนี้เพิ่งขึ้นธรรมาสเทศนาให้น้องๆได้ฟังกัน เรื่องความยากลำบากในการดำรงค์ชีวิตของพวกเรากันเอง ที่ทำงานเป็นพนักงานระดับบริหารของโรงแรม หลายคนบ่นว่าเงินเดือนไม่พอใช้ งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เครียด กลับไปบ้านก็เครียด ลูก-เมีย สารพัดสารเพ ไหนจะคนใช้ที่บ้านอีก (อันหลังนี่ โกหมายถึงว่าน้องๆเค้าบ่นให้ฟังนะครับ ที่บ้านโกไม่มีคนใช้ ที่เราหมายถึงลูกจ้าง บ้านโกมีแต่คนใช้ แบบที่ชี้นิ้วสั่งให้โกทำโน่นทำนี่ตลอดอ่ะ) ทำงานอยู่ในโรงแรมทุกวันนี้ มันลำบากยากแค้นเหลือแสน เค้าว่า.. แต่โกว่าไม่ใช่อ่ะ
เช้าลืมตาแคว่กตื่นขึ้นมา เข้าห้องน้ำอาบน้ำ เปิดก๊อกก็มีน้ำไหลออกมา ไม่ต้องไปตักไปหาบมาจากไหน แถมยังเป็นน้ำร้อนผสมน้ำเย็นอีกต่างหาก หน้าหนาวก็อาบน้ำอุ่นมากหน่อย หน้าร้อนก็อาบน้ำเย็น ค่าน้ำค่าไฟก็ไม่เสีย สบายดี

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินไปกินข้าวที่ห้องอาหาร โห... เวรและกรรมตามมาเห็นๆ อาหารวางให้เลือกอยู่ประมาณ 50 อย่าง กรูจะกินอะไรละวะเนี่ยะ ลำบากยากเย็นต่อการตัดสินใจเสียเหลือเกิน แค่นๆ ตักอาหารใส่จานมานั่งที่โต๊ะ เงยหน้าขึ้นมา น้องพนักงานเสิร์ฟเดินมายืนยิ้มอยู่ข้างๆแล้ว “รับกาแฟร้อนนะคะ” แหม.. รู้ใจซะด้วย ก็ของมันเคยเสิร์ฟกันอยู่ทุกวันนี่นา ลำบากต้องนั่งคอยแป๊บนึงอีกแล้วนะ
กินเสร็จ เด็กก็มาเก็บกวาดบนโต๊ะอาหารให้ ลำบากเราไม่ต้องเก็บเอง ไอ้ที่เหนื่อยจริงๆ ก็คือต้องออกแรงไปตวัดปากกาเซ็นชื่อในบิลล์เท่านั้น เซ็นเฉยๆเป็นหลักฐานว่าได้มารับประทานอาหารมื้อนี้แล้ว ไม่ต้องจ่ายเงินจ่ายทองแต่ประการใด ลำบากนะเนี่ยะ ที่พูดมาทั้งหมดนี่มัน 3 มื้อนะครับท่าน เค้าบังคับให้กินวันละ 3 มื้อ รวมถึงหวัดหยุดก็บังคับกลายๆว่า ถ้าไม่ออกไปเที่ยวซุกซนที่ไหนก็เข้ามากินด้วยนะ ลำบากใจมั้ยละครับท่าน

กระโดดข้ามไปหน่อยเรื่องตื่นนอนแล้วไปอาบน้ำ จะบอกว่าผ้าเช็ดตัวก็ไม่ต้องซักเองนะ ที่นอนก็ไม่ต้องอะไรมาก พอเราสะบัดตูดออกจากห้องไป เดี๋ยวเดียวก็จะมีเด็กแม่บ้านแอบย่องเข้ามาทำความสะอาดห้องให้ เค้าก็จะปูที่หลับปัดที่นอนให้เรียบร้อย เก็บกวาดเช็ดถูพื้นห้อง ทำความสะอาดห้องน้ำ เหมือนกันกับที่เค้าต้องทำให้กับห้องพักของลูกค้าที่จ่ายเงินเข้ามานอน,ฉันใดก็ฉันเพล แต่ของเราไม่ต้องเสียเงิน ลำบากมั้ยล่ะ แถมในห้องที่เค้าจัดให้นอนก็แสนจะสบาย นอนคนเดียว ตู้เตียงโต๊ะเครื่องแป้งมีพร้อมมูล ตู้เย็นก็มี ทีวีก็มี ห้องนอนก็ติดแอร์นะ ไม่ใช่เอาพัดลมมาเป่าตูดที่ไหน มันจะลำบากก็ตรงอีนอนคนเดียวนี่ละม้าง..
พูดเรื่องกระโดด ก็จะย้อนกลับไปพูดเรื่องแต่งตัวอีกนิด ทุกวันนี้โรงแรมเค้าก็ตัดเครื่องแบบให้ใส่นะ เสื้อสูท 2 ตัว กางเกงอีก 2 ตัว แต่ถ้ามันไม่พอใส่ โกว่าเอ็งก็ซื้อหามาใส่กันเองบ้างเถอะวะ จะได้ใช้เงินให้มันหมุนๆออกไปบ้าง ซักรอบก็ยังดี นอกจากนี้เค้ายังแถมมีบริการซักรีดอีกต่างหากนะพระคุณท่าน จะลำบากก็อีตอนที่ต้องไปรับ-ส่งที่ซักรีดนี่แหละ
ชีวิตพวกน้องๆ นี่มันลำบากตรงไหน(วะ) โกอยากรู้

เป็นผู้บริหารงานระดับหัวหน้าแผนก มีลูกน้องคอยทำงานเป็นแขนเป็นขาเป็นมือเป็นเท้าให้ด้วยกันทั้งนั้น ไอ้ที่จะต้องลงมือทำเองก็มีแค่ไม่กี่อย่าง จะลำบากก็อีตรงต้องคอยควบคุมให้ลูกน้องตัวเองทำงานตามที่เราวางนโยบายเอาไว้เท่านั้น ซึ่งถ้ารู้จักบริหารคนดีๆแล้ว ก็ไม่น่าจะเหนื่อยยากอะไร ตัวเราเองก็รับผิดชอบงานในหน้าที่ของเราให้ดี ก็แค่นั้นเอง
มองไปรอบๆตัวของเราในโลกกว้าง มีคนอีกมากมายก่ายกองที่เค้า “ลำบากกว่าเรา” และพวกเขาเหล่านั้น “ลำบาก” จริงๆ ลำบากประเภทที่วันๆไม่รู้จะกินอะไร ลำบากแบบที่ต้องเอาน้ำลูบท้อง เคยได้ยินใช่มั้ยครับ แต่พวกเราหลายๆคนตอนนี้รู้สึกลำบาก เพราะไม่รู้จะเลือกกินอะไร มันเบื่อๆ มันน่าจะให้อดซะให้เข็ดนะเนี่ยะ

พวกเราไม่ต้องซักผ้าเองไม่ต้องรีดเสื้อผ้าเอง ไม่ต้องกวาดถูทำความสะอาดบ้านเอง ห้องน้ำก็ไม่ต้อง มีคนทำให้เสร็จเรียบร้อย เราไม่ต้องทำกับข้าวเองไม่ต้องเก็บโต๊ะเอง ถึงเวลาก็มีคนมาปฏิบัติพัดวีให้ ยังจะมาบ่นว่าลำบาก มันลำบากตรงไหน(วะ)

ลูกน้องของเราเอง ผู้ชายเหมือนเรา มีเมีย 1 คน ลูก 1 คน สมมุติว่าเหมือนเราก็แล้วกัน แต่เค้าเงินเดือนน้อยกว่าเรา 5 เท่า ทำไมเขายังเลี้ยงชีพอาตมาอยู่ได้ด้วยเงินเดือนน้อยนิด ภาระหน้าที่ของเขาเหนื่อยยากกว่าเราด้วยซ้ำ บางคนต้องตื่นมาเข้าเวรตั้งกะตี 5 ซึ่งเราไม่เคย บางคนต้องเลิกงานเที่ยงคืน แต่พวกเราเข้าเวรเลิก 4 ทุ่มเดือนละ 3 ครั้ง ก็บ่นกันประปอดประแปดแล้ว
จะบ่นอะไรกันนักหนาจ๊ะ

ดาวลูกไก่

วันนี้ตั้งใจเข้ามาเขียนขอบคุณ "Google" โดยเฉพาะเลย แม่เจ้าเหวย เจ้าเว้ย
มันทำให้การค้นหาอะไรๆ ที่ไม่รู้จะไปหาที่ไหน ถามใครๆ ก็ไม่ได้ มันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากจริงๆ พับผ่าสิเอ้า.. ข้าพเจ้าขอคารวะ ด้วยความจริงใจ
ลองดูแหล่ข้างล่างนี่เป็นตัวอย่างนะครับ
โกเคยฟังและชอบแหล่นี้ มาตั้งแต่เมื่อประมาณเมื่อ 30 กว่าปีก่อน วันนี้นึกถึงขึ้นมา แม้แต่ก็จำเนื้อไม่ได้แล้ว หันหน้าไปถามใครก็ยาก แต่สามารถค้นได้จาก "อากู๋" นี่แหละ  

ดาวลูกไก่ (ภาค 1)
โอ้ชีวิต คิดไฉน               ใครหนอใครลิขิต
บ้างก็พูดกันผิดๆ              ว่าเป็นความผิดพระศิวะ
จึงขอศรัทธาสาธก            เรื่องยาจกจนยาก
มีสองตายายตายซาก         ปลูกรกรากอยู่ริมทางเปลี่ยว
แกเลี้ยงแม่ไก่หลง           มีลูกในกรงเจ็ดตัว
พอเช้าก็ออกริมรั้ว           จิกกินเม็ดถั่วเม็ดข้าวเหนียว
เวลาอีเหยี่ยวเฉี่ยวโฉบ        แม่ก็โอบปีกแผ่
เรียกลูกมาซุกจั๊กกะแร้       ลูกบอกว่าแม่เหม็นเขียว
ถึงคราวจะสิ้นชีวิต           เมื่อใกล้อาทิตย์อัสดง
ยังมีภิกษุหนึ่งองค์           เดินออกจากดงยืนเยี่ยว
ธุดงค์เดียวด้นดั้น            เมื่อสายัณห์ใกล้มืด
อากาศก็เริ่มเย็นชืด           พระสวมเสื้อยืดสีเขียว
อยากรู้เรื่องต่อกันแล้ว      อ่านต่อภาคสองเลยเชียว ..  

ดาวลูกไก่ (ภาค 2)
พระธุดงค์ลงมุ้ง               ตะวันก็มุ่งลับไม้
ส่วนพระจะนอนท่าไหน      ก็ไม่มีใครข้องเกี่ยว
ฝ่ายว่าสองยายตา           แกเกิดศรัทธาสามารถ
ปลุกพระให้ไปตลาด        พระเลยไปฟาดก๋วยเตี๋ยว
สักครู่หนึ่งตาจึงเอ่ย         นี่แน่ะยายเอ๊ยตอนแจ้ง
ต้องเชือดแม่ไก่แล้วแกง    ยายทำหน้าแห้งนมเหี่ยว
ฝ่ายแม่ไก่ได้ยิน               น้ำตารินไหลหล่น
น้ำตาแม่ไก่ไหลวน           เลยไหลไปปนกะเยี่ยว
ฝ่ายลูกไก่ทั้งเจ็ด              เหมือนถูกเด็ดดวงจิต
พากันโดดไปคนละทิศ       โดยที่ไม่คิดข้องเกี่ยว
ด้วยอานิสงส์ใจไม่ประเสริฐ    ลูกไก่ไปเกิดเป็นไข่เจียว ..