หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คดีทำร้ายร่างกาย

คดีของโก หมายเลข 1 : คดีทำร้ายร่างกาย

สามทุ่มไม่กี่คืนก่อน โกรับแจ้งจากหัวหน้า รปภ.ว่า มีพนักงานชายถูกทำร้ายร่างกายโดยพนักงานอีกคนหนึ่งที่หอพักพนักงาน ตอนนี้จับตัวคนลงมือไปควบคุมตัวไว้ที่ป้อม รปภ. แล้ว, โอเค. พรุ่งนี้เช้า เอาตัวมาส่งที่ห้องทำงานฝ่ายบุคคลก็แล้วกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น มีพนักงานหญิงมาร้องเรียนแต่เช้าเลย ว่ามีพนักงานชายคนหนึ่งมาใช้ถ้อยคำวาจาหยาบคายว่าเค้าเมื่อคืนนี้ หาว่าเธอเอาเรื่องส่วนตัวของเค้าคนนั้นไปโพนทะนา แต่หนูไม่ได้พูดนะ เอาล่ะ ฝ่ายบุคคลรับทราบ จะได้เรียกนายคนนั้นมาสอบสวนอีกครั้งนะจ๊ะ

สายหน่อยก็เรียกคดีทำร้ายร่างกายมาสอบสวน ได้ความว่าคนชกเป็นแฟนหนุ่มของสาวคนที่มาร้องเรียนตอนเช้านั่นแหละ คนโดนชกไปต่อว่าแฟนเค้าหยาบๆ คายๆ .. เข้าใจแล้วๆ มันพัวพันกันนิดหน่อย แบบนี้เอง

โกก็เลยแยกเรื่องนี้ออกเป็นสองเรื่อง เรื่องใช้วาจาหยาบคายเรื่องนึง เรื่องทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงานอีกเรื่องนึง

เรื่องที่สองนี่ตัดสินไม่ยาก เพราะเป็นการทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ทะเลาะวิวาท โทษคือออกจากงานสถานเดียว เรื่องนี้ไม่มีเหตุให้บรรเทาใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากว่าบ่ายสามโมงวันเดียวกันกับวันเกิดเหตุ ได้มีการประชุมใหญ่พนักงานโรงแรมทั้งหมด เพื่อทบทวนชี้แจงเรื่องการทำงาน รวมถึงกฎระเบียบต่างๆที่พนักงานต้องปฏิบัติ รวมถึงฐานความผิดร้ายแรงที่ต้องปลดออกจากงานสถานเดียว หนึ่งในนั้นคือเรื่องการทำร้ายร่างกายและ/หรือทะเลาะวิวาท กรณีนี้เรียกว่าประชุมบ่ายสาม สองทุ่มต่อย เป็นไงล่ะ.

ส่วนเรื่องแรก โกเรียกคู่ความมาพบทั้งสองคนพร้อมด้วยหัวหน้าแผนก ความจริงมันก็มีเรื่องเดิมอยู่ คือเมียของผู้ชาย(คนโดนชก) เค้าหนีหายไป โดยหาว่าฝ่ายชายไปมีแฟนใหม่ทำนองนั้น ข้างผู้ชายก็บอกผมไม่มีๆ โกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณมีหรือไม่มี แย้มให้อีกหน่อยว่า ไอ้คนชกน่ะเป็นน้องเมีย เฮ้อ.. มันกลายเป็นเรื่องในครอบครัวไปซะแล้ว ทำไมมันไม่ไปชกกันที่บ้านนะ จะได้ไม่ต้องมาสอบสวน

แล้วเรื่องที่เค้าด่ากันนี่ โกก็บอกว่า ไอ้ตอนด่ากันโกก็ไม่ได้อยู่ด้วยนะ คนโดนด่าก็ไม่ได้อัดเทปเอามาให้ฟัง อีกทั้งยังไม่มีพยานบุคคลมายืนยันด้วยว่าด่าหยาบคายจริงหรือเปล่า แต่เนื่องจากฝ่ายชายรับว่าได้ไป “ต่อว่า” ฝ่ายหญิงจริงๆ โกก็อนุมาณเอาว่าก็คงจะเรียกว่า “ด่า” ได้แหละนะ เพราะไอ้เรื่องแบบนี้ จะมาพูดกันแบบจ๊ะๆ จ๋าๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอก

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันมิใช่ความผิดร้ายแรงอะไร ไม่ได้มีการลงไม้ลงมือ จิกหัวมาตบหรืออะไรแบบนั้น ก็เลยตักเตือนเอาไว้เป็นงานเป็นการ เพราะเราเป็นพนักงานด้วยกัน แถมยังอยู่แผนกเดียวกัน มาทะเลาะกันแบบนี้มันจะทำงานอยู่ด้วยกันยังไง บรา บรา บรา .. ขอให้เลิกแล้วกันไป อย่าประพฤติเยี่ยงนี้อีก สองฝ่ายก็ตอบรับแล้วจากไปด้วยดี

เรื่องน่าจะจบง่ายๆแบบนี้ แต่เปล่า เพราะโกจะทำเอกสารเป็นหลักฐานว่าได้ตักเตือนฝ่ายชายแล้วนะ แต่คุณหัวหน้าแผนกไม่ยอมเซ็นเอกสารให้ บอกว่าไอ้คนด่านี่นะ โดนออกใบเตือนมาแล้วสองครั้ง (เรื่องทำงานบกพร่อง)จึงขอให้การเตือนครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม โกก็บอกว่าไม่ได้นะจ๊ะ มันคนละเรื่องกันกับสองครั้งที่แล้ว เอามารวมกันบ่ได้ดอก ชีก็ไม่ยอมท่าเดียว “ถ้างั้นก็ไม่เซ็น” แล้วชีก็สะบัดตูดพรึ่บออกไปจากห้องทำงานโก ทิ้งให้โกยืนงงเป็นไก่หงอยอยู่คนเดียว. 5555

หัวหน้าแผนกน่ะ บางทีเค้าก็ไม่ฟังเราหรอกนะครับ เนื่องจากเขาหวังว่าเราจะช่วยลูกน้องเขาให้พ้นผิดได้ กรณีนี้ไม่รู้จะช่วยยังไง คนชกน่ะถึงจะขยันยังไงหรือจะดียังไง แต่กรณีนี้ช่วยยาก ก็อย่างที่บอกว่าอบรมบ่ายสามสองทุ่มชก แล้วก็เป็นฐานความผิดที่ต้องปลดออกจากงานสถานเดียว

ก็เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เผื่อใครจะมีความเห็นเป็นอื่น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น