เกิดมาเป็นคนไทย อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ต้องรู้และเข้าใจภาษาไทยนะครับ
เราจะต้องไม่อายฝรั่งหรือคนชาติอื่นที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยของเรา แล้วเขาพูดภาษาไทยเก่งกว่าเรา
ยอมไม่ได้เด็ดขาดนะครับ
เพราะมันไม่ใช่การพูดภาษาที่ 2-3-4 ถ้าเราจะไม่เก่ง เรื่องนั้นไม่เป็นไร เพราะเรามีคำพูดกันอยู่แล้วว่า
“ไม่ใช่ภาษาพ่อ ภาษาแม่..” ก็เมื่อมีข้ออ้างกันซะยังงั้น แล้วภาษาพ่อภาษาแม่ของเราเป็นอย่างไรกันบ้างละครับ?
สมัยก่อนโกเรียนหนังสือมาด้วยระบบท่องจำซะส่วนหนึ่ง จะแบบนกแก้วนกขุนทองอย่างที่ใครเค้าค่อนขอดนินทาว่าร้ายก็ตามทีเถิด
แต่โกว่ามันก็ดีอยู่หรอกนะ เพราะทำให้โกได้รู้จักกับ
“บัดนั้น พญาภิเภกยักษี เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี อสุรีกราบลงกับบาทา..”
ท่องกันเข้าไป อูยยย... กว่าจะจำได้หมด
แต่สมัยใหม่นี่ เค้าเลิกให้เด็กนักเรียนท่องอาขยานกันแล้วมั้งครับ เค้าหาว่ามันบ้าบอคอแตก โง่เง่าเต่าตุ่น ไม่ทันสมัยอะไรไปโน่น มันต้องเรียนแบบเข้าใจ Learning by Doing ถึงจะเท่ ถึงจะเข้าใจถ่องแท้
แล้วมันเรียนมันสอนกันยังไงไม่รู้ จบปริญญาตรีกันออกมา โกว่ามันก็ฟายๆ ซะตั้งเยอะ ไม่เห็นจะทำ 5 อะไรเป็น
โกไม่ได้ว่าใครนะจ๊ะ แต่กำลังด่าระบบการศึกษาของประเทศไทยอยู่ ถ้าอยากให้บอกว่าจะด่าใครซักคน โกอยากด่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการทุกคน ถอยหลังไป 7-8 คนก็ได้
สมัยก่อนโน้น ครูถือไม้เรียวยาวเป็นวา โกเคยโดนครูตีเพราะไม่ส่งงานหัตถกรรมหนนึง เนื้อแตกเลยขอบอก
แอบด่าพ่อล่อแม่ครูไป 3-4 วัน เพราะนั่งลงทีไรมันเจ็บแปล๊บทุกที เอาแผลไปฟ้องที่บ้านแต่ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร
ไทยเรามีคำพังเพยอยู่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” โกเชื่อสนิทใจว่ามันถูกต้อง แต่เนื่องจากฝรั่งมันไม่ตีลูกเหมือนคนเอเซีย
คนไทยก็เลยเดินตามก้นฝรั่งต้อยๆไป
แต่การจะตีลูกหรือตีนักเรียน มันก็ต้องมีกระบวนการที่ถูกต้องด้วยนะครับ ไม่ใช่นึกอยากตีก็ตี ตีด้วยอารมณ์ ตีด้วยความโมโห
อันนั้นไม่นับครับ โกเคยเรียกเด็กจะมาตีเพื่อลงโทษ ก่อนจะตีก็ดุด่าว่ากล่าวบอกให้ทราบถึงความผิดของเค้า
สิ่งที่เค้าทำมันจะเกิดโทษอย่างไร เทศนาไปเรื่อยสุดท้ายก็เหนื่อยเพราะพูดมาก เลยไม่ได้ตี แต่ลงโทษอย่างอื่นแทน
โกเกิดมาในชีวิตนี้ถูกแม่ตีบ่อย แต่หลายๆครั้งแม่ก็เปลี่ยนจากตีเป็นสั่งให้คัดลายมือ
ขอโทษที ปัจจุบันลายมือโกสวยขนาดคัดลายมือประกวดได้ พี่ชายเคยทำโทษด้วยการขีดวงกลมให้อยู่ เมื่อยชิบเป๋งเลย..
เคยโดนพ่อตีครั้งเดียวในชีวิต เป็นไข้ไป 3 วัน
สมัยนี้ครูจะตีนักเรียนซักที ต้องทำหนังสือไปขออนุญาตจากกระทรวงก่อนมั้ง กว่าหนังสืออนุญาตจะกลับลงมาถึงโรงเรียน
เด็กก็เรียนจบมหาวิทยาลัยไปแล้ว พอดีไม่ต้องตีก้นมันเลย -ฮา-
เหอๆ โกออกทะเลอีกแล้ว จะพูดเรื่องภาษาไทย ดันไปออกแขกเรื่องตีก้นเด็ก กลับมา กลับมา
ภาษาไทยเราทุกวันนี้ มันแตกกิ่งก้านสาขาออกไปเยอะแยะนะครับ แต่อย่าไปกังวลมาก เขาเป็นแฟชั่น
หมายความว่ามันก็จะมาเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าว แล้วมันก็จะหายไปตามยุคสมัย
ประเด็นคือเราต้องระวังรักษาแก่นของภาษาไทยของเราเอาไว้ให้ดี อย่าให้มันผิดเพี้ยนไป ไม่งั้นจะไม่มีภาษาให้พูดกัน
โกมีบทท่องจำสมัยโกเป็นเด็กมาฝากนะจ๊ะ คุณพ่อคุณแม่กรุณาคัดเอาไปฝากคุณลูก หัดท่องกันเข้าไว้
จะได้เขียนหนังสือไม่ผิดเหมือนพ่อแม่ตัวเอง -ฮา- อีกที
อาขยานบทนี้ เป็นเรื่องคำไทยที่ใช้ “บัน” อื่นๆนอกเหนือจากนี้ต้องใช้ “บรร” ทั้งหมด
บันดาลลงบันได บันทึกให้ดูจงดี
รื่นเริงบันเทิงมี บันลือลั่นสนั่นดัง
บันโดยบันโหยไห้ บันเหินไปจากรวงรัง
บันทึกถึงความหลัง บันเดินนั่งนอนบันดล
บันกวดเอาลวดรัด บันจวบจัดตกแต่งตน
คำบันนั้นฉงน ระวังปนกับรอหัน
ต่อมาเป็นเรื่องของ สระไอ มีไม้ม้วนกับไม้มลาย อาขยานบทนี้สอนถึงคำไทยที่ใช้ไม้ม้วนทั้งหมดครับ
ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ
ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู
จะใคร่ลงเรือใบ ดูน้ำใสและปลาปู
สิ่งใดอยู่ในตู้ มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียง
บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี
สุดท้ายของวันนี้ ว่าด้วยคำไทยที่ใช้ จ.จาน เป็นตัวสะกด อันนี้สมัยใหม่แล้วแต่ก็ดีนะครับ โกก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่ง
ขออนุญาตเอามาเผยแพร่ก็แล้วกันนะครัย
ตำรวจตรวจคนเท็จ เสร็จสำเร็จระเห็จไป
สมเด็จเสด็จไหน ตรวจตราไวดุจนายงาน
อำนาจอาจบำเหน็จ จรวดระเห็จเผด็จการ
ฉกาจรังเกียจวาน คนเกียจคร้านไม่สู้ดี
แก้วเก็จทำเก่งกาจ ประดุจชาติทรพี
โสรจสรงลงวารี กำเหน็จนี้ใช้ตัว จ.
ขอบคุณที่รักภาษาไทยนะจ๊ะ
โก
ปล. เขียนเอาไว้ที่บล๊อคอื่น ตั้งแต่เมื่อ 16 กพ.53
วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
คดีทำร้ายร่างกาย
คดีของโก หมายเลข 1 : คดีทำร้ายร่างกาย
สามทุ่มไม่กี่คืนก่อน โกรับแจ้งจากหัวหน้า รปภ.ว่า มีพนักงานชายถูกทำร้ายร่างกายโดยพนักงานอีกคนหนึ่งที่หอพักพนักงาน ตอนนี้จับตัวคนลงมือไปควบคุมตัวไว้ที่ป้อม รปภ. แล้ว, โอเค. พรุ่งนี้เช้า เอาตัวมาส่งที่ห้องทำงานฝ่ายบุคคลก็แล้วกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น มีพนักงานหญิงมาร้องเรียนแต่เช้าเลย ว่ามีพนักงานชายคนหนึ่งมาใช้ถ้อยคำวาจาหยาบคายว่าเค้าเมื่อคืนนี้ หาว่าเธอเอาเรื่องส่วนตัวของเค้าคนนั้นไปโพนทะนา แต่หนูไม่ได้พูดนะ เอาล่ะ ฝ่ายบุคคลรับทราบ จะได้เรียกนายคนนั้นมาสอบสวนอีกครั้งนะจ๊ะ
สายหน่อยก็เรียกคดีทำร้ายร่างกายมาสอบสวน ได้ความว่าคนชกเป็นแฟนหนุ่มของสาวคนที่มาร้องเรียนตอนเช้านั่นแหละ คนโดนชกไปต่อว่าแฟนเค้าหยาบๆ คายๆ .. เข้าใจแล้วๆ มันพัวพันกันนิดหน่อย แบบนี้เอง
โกก็เลยแยกเรื่องนี้ออกเป็นสองเรื่อง เรื่องใช้วาจาหยาบคายเรื่องนึง เรื่องทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงานอีกเรื่องนึง
เรื่องที่สองนี่ตัดสินไม่ยาก เพราะเป็นการทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ทะเลาะวิวาท โทษคือออกจากงานสถานเดียว เรื่องนี้ไม่มีเหตุให้บรรเทาใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากว่าบ่ายสามโมงวันเดียวกันกับวันเกิดเหตุ ได้มีการประชุมใหญ่พนักงานโรงแรมทั้งหมด เพื่อทบทวนชี้แจงเรื่องการทำงาน รวมถึงกฎระเบียบต่างๆที่พนักงานต้องปฏิบัติ รวมถึงฐานความผิดร้ายแรงที่ต้องปลดออกจากงานสถานเดียว หนึ่งในนั้นคือเรื่องการทำร้ายร่างกายและ/หรือทะเลาะวิวาท กรณีนี้เรียกว่าประชุมบ่ายสาม สองทุ่มต่อย เป็นไงล่ะ.
ส่วนเรื่องแรก โกเรียกคู่ความมาพบทั้งสองคนพร้อมด้วยหัวหน้าแผนก ความจริงมันก็มีเรื่องเดิมอยู่ คือเมียของผู้ชาย(คนโดนชก) เค้าหนีหายไป โดยหาว่าฝ่ายชายไปมีแฟนใหม่ทำนองนั้น ข้างผู้ชายก็บอกผมไม่มีๆ โกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณมีหรือไม่มี แย้มให้อีกหน่อยว่า ไอ้คนชกน่ะเป็นน้องเมีย เฮ้อ.. มันกลายเป็นเรื่องในครอบครัวไปซะแล้ว ทำไมมันไม่ไปชกกันที่บ้านนะ จะได้ไม่ต้องมาสอบสวน
แล้วเรื่องที่เค้าด่ากันนี่ โกก็บอกว่า ไอ้ตอนด่ากันโกก็ไม่ได้อยู่ด้วยนะ คนโดนด่าก็ไม่ได้อัดเทปเอามาให้ฟัง อีกทั้งยังไม่มีพยานบุคคลมายืนยันด้วยว่าด่าหยาบคายจริงหรือเปล่า แต่เนื่องจากฝ่ายชายรับว่าได้ไป “ต่อว่า” ฝ่ายหญิงจริงๆ โกก็อนุมาณเอาว่าก็คงจะเรียกว่า “ด่า” ได้แหละนะ เพราะไอ้เรื่องแบบนี้ จะมาพูดกันแบบจ๊ะๆ จ๋าๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอก
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันมิใช่ความผิดร้ายแรงอะไร ไม่ได้มีการลงไม้ลงมือ จิกหัวมาตบหรืออะไรแบบนั้น ก็เลยตักเตือนเอาไว้เป็นงานเป็นการ เพราะเราเป็นพนักงานด้วยกัน แถมยังอยู่แผนกเดียวกัน มาทะเลาะกันแบบนี้มันจะทำงานอยู่ด้วยกันยังไง บรา บรา บรา .. ขอให้เลิกแล้วกันไป อย่าประพฤติเยี่ยงนี้อีก สองฝ่ายก็ตอบรับแล้วจากไปด้วยดี
เรื่องน่าจะจบง่ายๆแบบนี้ แต่เปล่า เพราะโกจะทำเอกสารเป็นหลักฐานว่าได้ตักเตือนฝ่ายชายแล้วนะ แต่คุณหัวหน้าแผนกไม่ยอมเซ็นเอกสารให้ บอกว่าไอ้คนด่านี่นะ โดนออกใบเตือนมาแล้วสองครั้ง (เรื่องทำงานบกพร่อง)จึงขอให้การเตือนครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม โกก็บอกว่าไม่ได้นะจ๊ะ มันคนละเรื่องกันกับสองครั้งที่แล้ว เอามารวมกันบ่ได้ดอก ชีก็ไม่ยอมท่าเดียว “ถ้างั้นก็ไม่เซ็น” แล้วชีก็สะบัดตูดพรึ่บออกไปจากห้องทำงานโก ทิ้งให้โกยืนงงเป็นไก่หงอยอยู่คนเดียว. 5555
หัวหน้าแผนกน่ะ บางทีเค้าก็ไม่ฟังเราหรอกนะครับ เนื่องจากเขาหวังว่าเราจะช่วยลูกน้องเขาให้พ้นผิดได้ กรณีนี้ไม่รู้จะช่วยยังไง คนชกน่ะถึงจะขยันยังไงหรือจะดียังไง แต่กรณีนี้ช่วยยาก ก็อย่างที่บอกว่าอบรมบ่ายสามสองทุ่มชก แล้วก็เป็นฐานความผิดที่ต้องปลดออกจากงานสถานเดียว
ก็เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เผื่อใครจะมีความเห็นเป็นอื่น.
สามทุ่มไม่กี่คืนก่อน โกรับแจ้งจากหัวหน้า รปภ.ว่า มีพนักงานชายถูกทำร้ายร่างกายโดยพนักงานอีกคนหนึ่งที่หอพักพนักงาน ตอนนี้จับตัวคนลงมือไปควบคุมตัวไว้ที่ป้อม รปภ. แล้ว, โอเค. พรุ่งนี้เช้า เอาตัวมาส่งที่ห้องทำงานฝ่ายบุคคลก็แล้วกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น มีพนักงานหญิงมาร้องเรียนแต่เช้าเลย ว่ามีพนักงานชายคนหนึ่งมาใช้ถ้อยคำวาจาหยาบคายว่าเค้าเมื่อคืนนี้ หาว่าเธอเอาเรื่องส่วนตัวของเค้าคนนั้นไปโพนทะนา แต่หนูไม่ได้พูดนะ เอาล่ะ ฝ่ายบุคคลรับทราบ จะได้เรียกนายคนนั้นมาสอบสวนอีกครั้งนะจ๊ะ
สายหน่อยก็เรียกคดีทำร้ายร่างกายมาสอบสวน ได้ความว่าคนชกเป็นแฟนหนุ่มของสาวคนที่มาร้องเรียนตอนเช้านั่นแหละ คนโดนชกไปต่อว่าแฟนเค้าหยาบๆ คายๆ .. เข้าใจแล้วๆ มันพัวพันกันนิดหน่อย แบบนี้เอง
โกก็เลยแยกเรื่องนี้ออกเป็นสองเรื่อง เรื่องใช้วาจาหยาบคายเรื่องนึง เรื่องทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงานอีกเรื่องนึง
เรื่องที่สองนี่ตัดสินไม่ยาก เพราะเป็นการทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ทะเลาะวิวาท โทษคือออกจากงานสถานเดียว เรื่องนี้ไม่มีเหตุให้บรรเทาใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากว่าบ่ายสามโมงวันเดียวกันกับวันเกิดเหตุ ได้มีการประชุมใหญ่พนักงานโรงแรมทั้งหมด เพื่อทบทวนชี้แจงเรื่องการทำงาน รวมถึงกฎระเบียบต่างๆที่พนักงานต้องปฏิบัติ รวมถึงฐานความผิดร้ายแรงที่ต้องปลดออกจากงานสถานเดียว หนึ่งในนั้นคือเรื่องการทำร้ายร่างกายและ/หรือทะเลาะวิวาท กรณีนี้เรียกว่าประชุมบ่ายสาม สองทุ่มต่อย เป็นไงล่ะ.
ส่วนเรื่องแรก โกเรียกคู่ความมาพบทั้งสองคนพร้อมด้วยหัวหน้าแผนก ความจริงมันก็มีเรื่องเดิมอยู่ คือเมียของผู้ชาย(คนโดนชก) เค้าหนีหายไป โดยหาว่าฝ่ายชายไปมีแฟนใหม่ทำนองนั้น ข้างผู้ชายก็บอกผมไม่มีๆ โกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณมีหรือไม่มี แย้มให้อีกหน่อยว่า ไอ้คนชกน่ะเป็นน้องเมีย เฮ้อ.. มันกลายเป็นเรื่องในครอบครัวไปซะแล้ว ทำไมมันไม่ไปชกกันที่บ้านนะ จะได้ไม่ต้องมาสอบสวน
แล้วเรื่องที่เค้าด่ากันนี่ โกก็บอกว่า ไอ้ตอนด่ากันโกก็ไม่ได้อยู่ด้วยนะ คนโดนด่าก็ไม่ได้อัดเทปเอามาให้ฟัง อีกทั้งยังไม่มีพยานบุคคลมายืนยันด้วยว่าด่าหยาบคายจริงหรือเปล่า แต่เนื่องจากฝ่ายชายรับว่าได้ไป “ต่อว่า” ฝ่ายหญิงจริงๆ โกก็อนุมาณเอาว่าก็คงจะเรียกว่า “ด่า” ได้แหละนะ เพราะไอ้เรื่องแบบนี้ จะมาพูดกันแบบจ๊ะๆ จ๋าๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอก
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันมิใช่ความผิดร้ายแรงอะไร ไม่ได้มีการลงไม้ลงมือ จิกหัวมาตบหรืออะไรแบบนั้น ก็เลยตักเตือนเอาไว้เป็นงานเป็นการ เพราะเราเป็นพนักงานด้วยกัน แถมยังอยู่แผนกเดียวกัน มาทะเลาะกันแบบนี้มันจะทำงานอยู่ด้วยกันยังไง บรา บรา บรา .. ขอให้เลิกแล้วกันไป อย่าประพฤติเยี่ยงนี้อีก สองฝ่ายก็ตอบรับแล้วจากไปด้วยดี
เรื่องน่าจะจบง่ายๆแบบนี้ แต่เปล่า เพราะโกจะทำเอกสารเป็นหลักฐานว่าได้ตักเตือนฝ่ายชายแล้วนะ แต่คุณหัวหน้าแผนกไม่ยอมเซ็นเอกสารให้ บอกว่าไอ้คนด่านี่นะ โดนออกใบเตือนมาแล้วสองครั้ง (เรื่องทำงานบกพร่อง)จึงขอให้การเตือนครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม โกก็บอกว่าไม่ได้นะจ๊ะ มันคนละเรื่องกันกับสองครั้งที่แล้ว เอามารวมกันบ่ได้ดอก ชีก็ไม่ยอมท่าเดียว “ถ้างั้นก็ไม่เซ็น” แล้วชีก็สะบัดตูดพรึ่บออกไปจากห้องทำงานโก ทิ้งให้โกยืนงงเป็นไก่หงอยอยู่คนเดียว. 5555
หัวหน้าแผนกน่ะ บางทีเค้าก็ไม่ฟังเราหรอกนะครับ เนื่องจากเขาหวังว่าเราจะช่วยลูกน้องเขาให้พ้นผิดได้ กรณีนี้ไม่รู้จะช่วยยังไง คนชกน่ะถึงจะขยันยังไงหรือจะดียังไง แต่กรณีนี้ช่วยยาก ก็อย่างที่บอกว่าอบรมบ่ายสามสองทุ่มชก แล้วก็เป็นฐานความผิดที่ต้องปลดออกจากงานสถานเดียว
ก็เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เผื่อใครจะมีความเห็นเป็นอื่น.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)