อ่านเจอบทความของใครก็ไม่รู้ในโอเคเนชั่น จำไม่ได้แล้ว ขออำภัยนะครับ
ว่าวัสดุสำหรับทำบัตรประชาชนหมดทั่วไทย ก็เลยไปพิสูจน์ทราบมาด้วยตัวเอง
ปรากฏว่าตอนนี้ ที่อำเภอบ้านนอกๆ ยังพอได้อยู่ครับ
แต่ถ้าเป็นเมืองใหญ่ๆ จะหมดจริงๆ และจะได้ใบเหลืองไปแทน
บัตรประชาชน ทำที่อำเภอไหนก็ได้ครับ
ไม่จำเป็นต้องทำ ณ อำเภอที่ตัวเองอยู่เท่านั้น เค้าทันสมัยออนไลน์กันแล้ว
แต่คราวนี้ โกได้ประสบการณ์ใหม่จากการทำบัตรประชาชน
โกได้บัตรแบบที่มีซิมติดมาด้วย เอาไว้ทำอะไรก็ไม่รู้
บัตรแบบนี้จะมีชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษแถมมาให้ด้วย
วันเดือนปีเกิด ก็มีทั้งไทยและเทศ ถือว่าเป็นสากลดี จ่ายไป 30 บาท
แต่...
คุณท่านไม่ได้ถามเราซักคำว่า ชื่อนามสกุลของเราเขียนยังไง
ยัดเยียดมาให้ซะยังงั้น โกก็ประท้วง ณ ที่เกิดเหตุว่าสะกดนามสกุลผมผิด
เจ้าหน้าที่มองหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง แบบว่าคุณรู้ภาษาปะกิตเหรอ
มันจะผิดได้ยังไง อะไรทำนองนั้น
โกก็เลยบอกว่า มันสะกดไม่เหมือนในพาสปอร์ต เพื่อลดปัญหาไม่ต้องพูดมาก
คุณ จนท. ดันพูดว่า น่าจะเอาพาสปอร์ตมาด้วย แม้.. หาเรื่อง
โกเลยบอกว่า ผมจะเอามาทำไมล่ะครับ ผมก็สะกดนามสกุลตัวเองเป็น
พอจะขอทำใหม่ จนท.บอกว่า ทำวันนี้ไม่ได้ ต้องกลับมาทำพรุ่งนี้
อาจจะเป็นเรื่องทางเทคนิค โกก็ไม่อยากต่อความยาว
อยากจะถามเขาว่า ถ้าเป็นคนที่เดินทางมาจากที่ไกลๆ เค้าไม่ลำบากแย่หรือ
แล้วอีกอย่างก็ไม่ใช่ความผิดของเรา แต่ก็เอาวะ พรุ่งนี้มาใหม่ก็ได้
วันรุ่งขึ้น ไปแต่เช้าเลย ต้องทำทุกอย่างเหมือนเดิมอีกรอบ
ถ่ายรูปใหม่ แปะโป้งใหม่ แต่คราวนี้เสีย 20 บาท ไม่มีใบเสร็จเหมือนเดิม
โกก็ขี้เกียจทวงนะ เพราะถ้าทวงแล้วเรื่องมันจะเยอะ
แล้ว 2 วัน ทำไมราคามันไม่เท่ากัน(วะ)
แอบถาม จนท.อีกครั้งว่า ภาษาปะกิตน่ะ มันเป็นโปรแกรมอัติโนมัติหรืออย่างไรเขาก็บอกว่าใช่เลย
เขียนภาษาไทยไปยังไง มันแปลให้เสร็จสรรพ
ก็ว่ากันไป จะแก้ตัวหรืออย่างไร โกไม่ติดใจ
แต่ก็อดเหน็บไปนิดไม่ได้ว่า 20 บาท นี่น่าจะให้พวกคนออกกันคนละ 10 บาทนะ
แล้วฝากไปบอกเจ้ากระทรวงของคุณด้วยนะว่า
ไอ้โปรแกรมแปลชื่ออัตโนมัติน่ะ มันใช่ไม่ได้หรอก เครื่องมันจะตรัสรู้ได้ยังไงว่าชื่อ-นามสกุลของใครเค้าจะเขียนยังไง พอผิดก็กลายเป็นความบกพร่องของประชาชน
ฮ่วย..
ใครจะทำบัตรใหม่ ก็ระวังเรื่องนี้ด้วยนะครับ
วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ยกมือไหว้ ทักทายกัน
ไม่ว่าจะไปทำงานที่โรงแรมไหน สิ่งหนึ่งที่จะต้องทำโดยเด็ดขาดก็คือ
การอบรมมารยาทของพนักงาน ไม่ว่าจะสูงจะต่ำระดับไหนก็ตาม
หนึ่งในหัวข้อเรื่องมารยาทที่พยายามพร่ำสอนมาโดยตลอดก็คือ การทักทายลูกค้าด้วยการไหว้
ทั้งนี้รวมถึงการทักทายหัวหน้างาน ไม่ว่าจะตรง จะอ้อม ก็ด้วย
แต่ปัญหามันมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ
แม้จะบอกพนักงานว่า อย่าไปคิดว่าเป็นการแสดงความเคารพสิไอ้น้อง
โกรู้ว่าคุณอาจจะไม่อยากไหว้เค้า เพราะเค้าไม่น่านับถือ
แต่ให้ถือว่ามันเป็นแค่การทักทายตามมารยาท
เราทักทายกันด้วยวิธี "ไหว้" เพราะมันเป็นวัฒนธรรมของคนไทย
เด็กมันสวนกลับมาว่า "ผมไหว้เค้าแล้ว เค้าไม่เห็นจะรับไหว้ผม ผมก็เลยไม่ไหว้(มัน)อีก"
เห็นมั้ย ข้อโต้แย้งมันเริ่มจากผู้ใหญ่กว่าทำตัวไม่น่ารักด้วยเหมือนกัน
ก็แล้วเวลาไหว้เจ้าของโรงแรม เค้ารับไหว้หล่อนทุกคนรึเปล่าล่ะ
"แหมพี่.. นั่นเจ้าของโรงแรมอ่ะ ไม่เป็นไร"
5555 เอ็งก็ Double Standard สินะ ทันสมัยน่าดูเลยวุ้ย..
ไหว้ๆ ไปเถอะน่า ยกสองมือมาประกบกันตรงหน้าตัวเอง เสียพลังงานนิดเดียว
ส่วนมากแล้วพนักงานเด็กๆ มักจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแบบนี้นะครับ
ส่วนใหญ่ก็จะให้ความร่วมมือด้วยดี
ปัญหามักจะเกิดกับพวกใหญ่ๆ ระดับ ผช. ผจก. หรือ ผจก. มากกว่า
ใหญ่กว่านั้น เราก็อย่าไปพูดถึงเขาเลยนะครับ
พวกหัวหน้าทั้งหลายนี่แหละตัวดี ไม่ค่อยให้ความร่วมมือหรอก
ไม่รู้ว่านาฬิกาข้อมือมันถ่วงเอาไว้ หรือ Wrist Band มันอันใหญ่เกินไป
ยกมือไม่ขึ้นกันเลย
จริงๆน่าจะเป็นจิตใจที่ไร้สำนึกมากกว่าที่ถ่วงเอาไว้
ทำไงถึงจะล้างสิ่งโสโครกเหล่านี้ให้หมดไปได้ก็ไม่รู้
คงต้องใช้เวลาอีกนาน
บ่นๆไปยังงั้นแหละครับ ยังไงก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสอนกันต่อไป
จนกว่าจะตายกันไปข้าง.
การอบรมมารยาทของพนักงาน ไม่ว่าจะสูงจะต่ำระดับไหนก็ตาม
หนึ่งในหัวข้อเรื่องมารยาทที่พยายามพร่ำสอนมาโดยตลอดก็คือ การทักทายลูกค้าด้วยการไหว้
ทั้งนี้รวมถึงการทักทายหัวหน้างาน ไม่ว่าจะตรง จะอ้อม ก็ด้วย
แต่ปัญหามันมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ
แม้จะบอกพนักงานว่า อย่าไปคิดว่าเป็นการแสดงความเคารพสิไอ้น้อง
โกรู้ว่าคุณอาจจะไม่อยากไหว้เค้า เพราะเค้าไม่น่านับถือ
แต่ให้ถือว่ามันเป็นแค่การทักทายตามมารยาท
เราทักทายกันด้วยวิธี "ไหว้" เพราะมันเป็นวัฒนธรรมของคนไทย
เด็กมันสวนกลับมาว่า "ผมไหว้เค้าแล้ว เค้าไม่เห็นจะรับไหว้ผม ผมก็เลยไม่ไหว้(มัน)อีก"
เห็นมั้ย ข้อโต้แย้งมันเริ่มจากผู้ใหญ่กว่าทำตัวไม่น่ารักด้วยเหมือนกัน
ก็แล้วเวลาไหว้เจ้าของโรงแรม เค้ารับไหว้หล่อนทุกคนรึเปล่าล่ะ
"แหมพี่.. นั่นเจ้าของโรงแรมอ่ะ ไม่เป็นไร"
5555 เอ็งก็ Double Standard สินะ ทันสมัยน่าดูเลยวุ้ย..
ไหว้ๆ ไปเถอะน่า ยกสองมือมาประกบกันตรงหน้าตัวเอง เสียพลังงานนิดเดียว
ส่วนมากแล้วพนักงานเด็กๆ มักจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแบบนี้นะครับ
ส่วนใหญ่ก็จะให้ความร่วมมือด้วยดี
ปัญหามักจะเกิดกับพวกใหญ่ๆ ระดับ ผช. ผจก. หรือ ผจก. มากกว่า
ใหญ่กว่านั้น เราก็อย่าไปพูดถึงเขาเลยนะครับ
พวกหัวหน้าทั้งหลายนี่แหละตัวดี ไม่ค่อยให้ความร่วมมือหรอก
ไม่รู้ว่านาฬิกาข้อมือมันถ่วงเอาไว้ หรือ Wrist Band มันอันใหญ่เกินไป
ยกมือไม่ขึ้นกันเลย
จริงๆน่าจะเป็นจิตใจที่ไร้สำนึกมากกว่าที่ถ่วงเอาไว้
ทำไงถึงจะล้างสิ่งโสโครกเหล่านี้ให้หมดไปได้ก็ไม่รู้
คงต้องใช้เวลาอีกนาน
บ่นๆไปยังงั้นแหละครับ ยังไงก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสอนกันต่อไป
จนกว่าจะตายกันไปข้าง.
วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553
"..ก็แค่สงสัย ทำไมไม่รักในหลวง?"
โกเห็นรูปนี้จาก facebook ที่น้องคนหนึ่งเขียนข้อความส่งเข้ามา
เห็นรูปแล้วโกรู้สึกหลายอย่างพร้อมๆกัน
อย่างหนึ่งแน่ๆ ก็คือประทับใจกับข้อความที่คุณลุงเขียนใส่กระดาษไว้นั่น ประทับใจมากๆๆ แบบว่ามากถึงมากที่สุด
คำถามง่ายๆ ซื่อๆ ไม่ยอกย้อนซ่อนเงื่อน อาจจะเป็นคำถามที่คุณลุงไม่ได้ต้องการคำตอบ
แต่เป็นคำถาม ที่ถามเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นเก็บเอาไปตอบแก่หัวใจของตนเอง
คิดว่าใครๆหลายคนที่ได้เห็นรูปนี้แล้ว คงเห็นด้วยกับคุณลุงว่า "นั่นน่ะสินะ ทำไมล่ะครับ"
คนไทยเราส่วนใหญ่เกิดมาก็ถูกอบรมสั่งสอนให้รักและเทอดทูนในหลวง
คนที่อยากรู้อยากทราบว่าทำไมต้องรัก ต้องเคารพเทอดทูน
ก็ไปสืบเสาะค้นคว้าหามาว่าเพราะอะไร ทำไมโคตรเง่าศักราชของเราถึงรักในหลวง
เมื่อรู้แล้ว ต่างก็หมดความกังขา
คนบางคน ก็คนแบบโกนี่แหละ คนแบบที่หูไม่บอด ใจไม่ได้มืดมิด
ก็สามารถที่จะรับรู้ได้ด้วยข่าวสารตามธรรมดาว่า
พระองค์ท่านทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายแสนสาหัส
เพื่อทำอะไรให้กับผู้คนในประเทศนี้บ้าง
โกอยากจะบอกว่า แม้นเป็นเดียรัจฉาน ที่กลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้
ก็ย่อมแสดงว่าชาติที่แล้ว เดียรัจฉานเหล่านั้นได้สั่งสมความดีมามากมาย จึงกลายมาเป็นคน
แต่ทำไมคนหลายๆคนเหล่านั้น มันไม่ทิ้งวิญญาณหรือสันดานเดิมเล่า
จะแห่แหนกล่าวหาว่าเดียรัจฉานซะทั้งหมดก็คงไม่ได้นะครับ
สัตว์หน้าขนยังรักลูก รักครอบครัว รู้จักกตัญญูบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของคนที่ฟูมฟักมันมา
แต่ไอ้และอีทั้งหลายที่ร่ำร้อง อยากจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเล่า
โกคิดว่า หากมันต้องเกิดใหม่ในภพหน้า
ก็คงไม่แคล้วจะกลับไปเกิดเป็นเดียรัจฉานเหมือนเดิม
อีกอย่างที่โกอยากจะบอกก็คือ ด้วยอายุอานามขนาดนี้ หน้าตาแบบนี้
คุณลุงคนนี้ คงจะไม่มีปัญญาหรือเรี่ยวแรงไปไล่ยิงไล่ฟันหัวใคร
แต่วันนี้คุณลุงก็ออกมา รวมกับกลุ่มผู้คนทั้งหลายที่นัดๆกันมาจาก facebook
คุณลุงมาเพื่อถามคำถามคำเดียวเท่านั้น
"..ก็แค่สงสัย ทำไมไม่รักในหลวง?"
ขอบพระคุณ คุณลุงในภาพนี้มากๆ นะครับ ที่ถามคำถามนี้แทนพวกเราหลายๆคน
และไม่ว่าคุณลุงจะเป็นใคร ผมรักคุณลุงครับ.
วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553
พนักงานกับหัวหน้างาน
ความเดิมมีอยู่ว่า มีน้องสาวคนนึงในก๊วนของโกเขียนจดหมายเข้ามาระบายความอัดอั้นตันใจจากการทำงาน
----------
ขอระบายหน่อยนะคับพี่ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นมาเนื่องจากว่าเมื่อวานนี้ นู๋ส่งเมล์หาหัวหน้างานแผนก wh ให้ช่วยดูแลพนง. เรื่องออกไปข้างนอกก่อนเวลาพัก
ซึ่งปัญหานี้มีมานานมาก เคยคุยกับหัวหน้างานระดับ sup. ก็ไม่จัดการอะไร
จนเมื่อวาน เลยส่งเมล์หาระดับ Sup, Asst., และ Mgr. อีกครั้ง แล้ววันนี้หัวหน้าระดับ Asst. มันก็โทรไปด่าระดับ Sup. ว่าทำไมไม่ดู ยังงั้นยังงี้ ให้คนระดับ Staff ส่งเมล์มาด่าพวก Mgr. ทั้งหลายได้ยังไง
บอกแล้วใช่ไม๊ว่าอย่าไปไว้ใจ เพราะเค้าเป็น Hr. ถ้าเค้าคิดว่าเรื่องออกก่อนเวลาเป็นเรื่องสำคัญ (มันก็ต้องสำคัญสิ พูดแปลกๆ)
เราก็ต้องห้ามไม่ให้พนง. เราออกไป อย่าให้เค้ามาว่าได้ ประมาณนี้แหละ
แต่การที่หนูส่งเมล์ไป ไม่ได้ต้องการให้เค้าไปด่าลูกน้องอย่างนั้น มันต้องหาวิธีที่มันดีกว่านี้สิ แล้วไม่ใช่ว่ามาดูถูกเราซะงั้น
แถมมาล็อบบี้อีกว่าไม่ให้เด็กมาไว้ใจเรา (แอดเจอร์ คนนี้ก็ไม่มีใครจะชอบมันหรอกนะ)
แต่คือเราแคร์พวก WH มากกว่า เพราะจริงๆ แล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เค้าเดือดร้อน โดนด่าอ่ะ เลยเซ็งๆ
แล้วก็โมโหที่มันมาดูถูกเราว่าเป็นแค่ Staff นี่แหละ
อยากจะเอาตำแหน่งฟาดหัวมันจริงๆ เลย
ระบายแล้ว ดีขึ้นแหละ ขอบคุณคับ
หนูเอง
----------
หนูเอ้ย .. ใครจะคิดยังไงก็ไม่รู้นะ แต่รับรองว่าโกคิดไม่เหมือนใคร ไม่ใช่เพราะโกเป็นคนชอบคิดตามขวางนะ
แต่ มันเป็นมุมมองส่วนตัว
โกแยกมาตอบจดหมายของหนู เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับความคิดเห็นของพี่ๆ คนอื่นๆ ในบ้านเรา
แล้วพี่ๆคนอื่นๆ ด้วยความเคารพนะครับ โกเคารพความคิดเห็นของทุกท่าน
เพียงแต่โกมีแนวคิดที่แตกต่างออกไป ข้อเขียนของโกอาจจะรุกล้ำไปบ้าง โกไม่มีเจตนาร้ายนะครับ
ขอโทษไว้ก่อนเลย 555
แล้วก็.. ที่เขียนมานี่ ไม่ได้ต้องการจะว่าอะไรหนูนะ ยังรักเหมือนเดิม อิอิ แค่จะอธิบายกับหนูว่า "ทำไมเรื่องถึงเป็นอย่างนั้น"
ที่เกิดเรื่องอย่างนั้นเพราะว่า หนูเป็นคนเขียนเมล์ไปหาใครต่อใครด้วยตัวเองไงครับ
คำถามของโกคือ ทำไมถึงไม่เป็น HR Manager หรือใครก็ได้ที่เป็นหัวหน้า จะเรียกอะไรก็ตามแต่ ที่จะเป็นคนส่งเมล์ฉบับนั้นออกไป
แล้วมันต่างกันตรงไหน?
ต่างกันเยอะเลยครับ เพราะคนที่รับเมล์เค้าเป็นคนมี "ระดับ" แบบที่หนูว่าทั้งนั้นเลย ตั้งแต่ซุป ไปยันเอา ผจก.โน่นเลย กี่คนก็ไม่รู้ คนพวกนี้จะรักหัวโขนของเค้ายิ่งชีพหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็มีหัวโขนของเขาอยู่นะ
เขาจะดี จะเลว จะร้าย จะไม่มีใครชอบ ยังไงก็ตาม แต่เราก็ต้องให้เกียรติกับยศฐาบรรดาศักดิ์ที่เขาถือครองอยู่ ใช่หรือไม่?
อันนี้ฝ่ายบุคคลตอบค่อยๆก็ได้นะครับ เพราะเราต้องเป็นคนสอนให้พนักงานให้เกียรติและเคารพหัวหน้างาน เนอะ..
ระบบ Seniority ไม่ใช่ระบบศักดินา เอ.. หรือว่าใช่ แต่มันก็ทำให้มีการปกครองลดหลั่นกันลงไป
ถ้าทำงานแล้วไม่ต้องมีตำแหน่ง ทุกคนเท่ากันหมด จะเกิดอะไรขึ้นหนอ?
โอเช การแสดงความคิดเห็นสามารถกระทำได้ ทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็นได้เท่าเทียมกัน
จริงเหรอ?
เมื่อไหร่? หรือตอนไหนครับ? เมื่อนายถามใช่ป่าว หรือเมื่ออยู่ในที่ประชุมใช่ป่าว
อยู่ดีๆ เราเที่ยวได้เดินไปเสนอความเห็นให้คนโน้นคนนี้ได้ป่าวครับ เค้าจะได้หาว่าเราบ้าไง
หรืออยู่ดีๆ ไม่ดูลมฟ้าอากาศเที่ยวได้เดินเข้าไปแนะนำนายให้ทำโน่นทำนี่ .. ไม่เหมาะมั้ง
เหมือนอย่างในที่ทำงานของโกก็เหมือนกัน โกยังไม่สามารถเดินไป comment หัวหน้าแผนกทุกๆคนได้เลย
ทำได้เฉพาะที่สนิทๆกันเท่านั้นแหละ นอกนั้นก็ต้องเบาๆหน่อย อ้อมไปอ้อมมา หรือคอยเอาไปบอกในที่ประชุม
เวลาโกจะออกหนังสือสั่งการอะไรออกไป ก็ต้องเอาไปให้เจ้านายลงยันต์อีกชั้นหนึ่งก่อน
วิธีการแบบนี้ทำแล้วสบายตัว ใครจะด่าก็ไม่ได้เพราะเจ้านายลงชื่อรับรองเหมือนเจ้านายสั่งเอง
โกไม่ได้ดูถูกดูหมิ่นในความเป็นแค่ Staff ของหนูนะครับ คนเราตำแหน่งไม่เท่ากัน ความรับผิดชอบก็ไม่เท่ากันด้วย
หากแต่การจะเป็นคนที่สามารถทำให้ผู้คนยอมรับนับถือ มันยาก
ไม่ใช่สักแต่ว่ามีหัวโขนครอบอยู่อันนึง แล้วคนอื่นก็ต้องให้ความเคารพ
ก็ใช่หรอกนะ แต่เราให้ความเคารพต่อหัวโขนนั้น ไม่ใช่คนที่ใส่มันอยู่
เหมือนทหาร บั้งเล็กๆก็ต้องตะเบ๊ะบั้งใหญ่ๆ แค่นั้นเอง
แต่ถ้าผู้คนเค้าให้ความเคารพตัวเรา มากกว่าหัวโขนที่เราสวมอยู่สิ.. อันนี้ค่อยน่าอภิรมณ์หน่อย
เป็นปลื้มเลยแหละ
ไม่อยากจะบอกเลยว่าหนูทำผิด แต่มันก็เป็นแค่ผิดวิธีเท่านั้นเอง
ที่ถูกแล้ว หนูน่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกหัวหน้างานของหนู แล้วให้หัวหน้าเขียนเมล์ฉบับนั้นส่งไปให้เค้า
ผลที่ตามมามีหลายแนวให้คิด
1. หัวหน้าอาจจะไม่ทำตามข้อเสนอของหนูก็ได้ อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ อันนี้ค่อยมาวิพากษ์หัวหน้ากันอีกรอบ
2. ถ้าหัวหน้าส่งให้ หนูก็สบายตัวไม่ต้องมีเรื่องกลุ้มใจมากกว่าเท่าที่มีอยู่แล้ว แล้วเขาก็จะมองหนูในความรู้สึกทางบวกอีกด้วย
โกขอย้ำว่ารักหนูเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หนูอยากระบาย โกก็อยากอธิบาย
แค่นั้นเอง..
นะจ๊ะ
----------
ขอระบายหน่อยนะคับพี่ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นมาเนื่องจากว่าเมื่อวานนี้ นู๋ส่งเมล์หาหัวหน้างานแผนก wh ให้ช่วยดูแลพนง. เรื่องออกไปข้างนอกก่อนเวลาพัก
ซึ่งปัญหานี้มีมานานมาก เคยคุยกับหัวหน้างานระดับ sup. ก็ไม่จัดการอะไร
จนเมื่อวาน เลยส่งเมล์หาระดับ Sup, Asst., และ Mgr. อีกครั้ง แล้ววันนี้หัวหน้าระดับ Asst. มันก็โทรไปด่าระดับ Sup. ว่าทำไมไม่ดู ยังงั้นยังงี้ ให้คนระดับ Staff ส่งเมล์มาด่าพวก Mgr. ทั้งหลายได้ยังไง
บอกแล้วใช่ไม๊ว่าอย่าไปไว้ใจ เพราะเค้าเป็น Hr. ถ้าเค้าคิดว่าเรื่องออกก่อนเวลาเป็นเรื่องสำคัญ (มันก็ต้องสำคัญสิ พูดแปลกๆ)
เราก็ต้องห้ามไม่ให้พนง. เราออกไป อย่าให้เค้ามาว่าได้ ประมาณนี้แหละ
แต่การที่หนูส่งเมล์ไป ไม่ได้ต้องการให้เค้าไปด่าลูกน้องอย่างนั้น มันต้องหาวิธีที่มันดีกว่านี้สิ แล้วไม่ใช่ว่ามาดูถูกเราซะงั้น
แถมมาล็อบบี้อีกว่าไม่ให้เด็กมาไว้ใจเรา (แอดเจอร์ คนนี้ก็ไม่มีใครจะชอบมันหรอกนะ)
แต่คือเราแคร์พวก WH มากกว่า เพราะจริงๆ แล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เค้าเดือดร้อน โดนด่าอ่ะ เลยเซ็งๆ
แล้วก็โมโหที่มันมาดูถูกเราว่าเป็นแค่ Staff นี่แหละ
อยากจะเอาตำแหน่งฟาดหัวมันจริงๆ เลย
ระบายแล้ว ดีขึ้นแหละ ขอบคุณคับ
หนูเอง
----------
หนูเอ้ย .. ใครจะคิดยังไงก็ไม่รู้นะ แต่รับรองว่าโกคิดไม่เหมือนใคร ไม่ใช่เพราะโกเป็นคนชอบคิดตามขวางนะ
แต่ มันเป็นมุมมองส่วนตัว
โกแยกมาตอบจดหมายของหนู เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับความคิดเห็นของพี่ๆ คนอื่นๆ ในบ้านเรา
แล้วพี่ๆคนอื่นๆ ด้วยความเคารพนะครับ โกเคารพความคิดเห็นของทุกท่าน
เพียงแต่โกมีแนวคิดที่แตกต่างออกไป ข้อเขียนของโกอาจจะรุกล้ำไปบ้าง โกไม่มีเจตนาร้ายนะครับ
ขอโทษไว้ก่อนเลย 555
แล้วก็.. ที่เขียนมานี่ ไม่ได้ต้องการจะว่าอะไรหนูนะ ยังรักเหมือนเดิม อิอิ แค่จะอธิบายกับหนูว่า "ทำไมเรื่องถึงเป็นอย่างนั้น"
ที่เกิดเรื่องอย่างนั้นเพราะว่า หนูเป็นคนเขียนเมล์ไปหาใครต่อใครด้วยตัวเองไงครับ
คำถามของโกคือ ทำไมถึงไม่เป็น HR Manager หรือใครก็ได้ที่เป็นหัวหน้า จะเรียกอะไรก็ตามแต่ ที่จะเป็นคนส่งเมล์ฉบับนั้นออกไป
แล้วมันต่างกันตรงไหน?
ต่างกันเยอะเลยครับ เพราะคนที่รับเมล์เค้าเป็นคนมี "ระดับ" แบบที่หนูว่าทั้งนั้นเลย ตั้งแต่ซุป ไปยันเอา ผจก.โน่นเลย กี่คนก็ไม่รู้ คนพวกนี้จะรักหัวโขนของเค้ายิ่งชีพหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็มีหัวโขนของเขาอยู่นะ
เขาจะดี จะเลว จะร้าย จะไม่มีใครชอบ ยังไงก็ตาม แต่เราก็ต้องให้เกียรติกับยศฐาบรรดาศักดิ์ที่เขาถือครองอยู่ ใช่หรือไม่?
อันนี้ฝ่ายบุคคลตอบค่อยๆก็ได้นะครับ เพราะเราต้องเป็นคนสอนให้พนักงานให้เกียรติและเคารพหัวหน้างาน เนอะ..
ระบบ Seniority ไม่ใช่ระบบศักดินา เอ.. หรือว่าใช่ แต่มันก็ทำให้มีการปกครองลดหลั่นกันลงไป
ถ้าทำงานแล้วไม่ต้องมีตำแหน่ง ทุกคนเท่ากันหมด จะเกิดอะไรขึ้นหนอ?
โอเช การแสดงความคิดเห็นสามารถกระทำได้ ทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็นได้เท่าเทียมกัน
จริงเหรอ?
เมื่อไหร่? หรือตอนไหนครับ? เมื่อนายถามใช่ป่าว หรือเมื่ออยู่ในที่ประชุมใช่ป่าว
อยู่ดีๆ เราเที่ยวได้เดินไปเสนอความเห็นให้คนโน้นคนนี้ได้ป่าวครับ เค้าจะได้หาว่าเราบ้าไง
หรืออยู่ดีๆ ไม่ดูลมฟ้าอากาศเที่ยวได้เดินเข้าไปแนะนำนายให้ทำโน่นทำนี่ .. ไม่เหมาะมั้ง
เหมือนอย่างในที่ทำงานของโกก็เหมือนกัน โกยังไม่สามารถเดินไป comment หัวหน้าแผนกทุกๆคนได้เลย
ทำได้เฉพาะที่สนิทๆกันเท่านั้นแหละ นอกนั้นก็ต้องเบาๆหน่อย อ้อมไปอ้อมมา หรือคอยเอาไปบอกในที่ประชุม
เวลาโกจะออกหนังสือสั่งการอะไรออกไป ก็ต้องเอาไปให้เจ้านายลงยันต์อีกชั้นหนึ่งก่อน
วิธีการแบบนี้ทำแล้วสบายตัว ใครจะด่าก็ไม่ได้เพราะเจ้านายลงชื่อรับรองเหมือนเจ้านายสั่งเอง
โกไม่ได้ดูถูกดูหมิ่นในความเป็นแค่ Staff ของหนูนะครับ คนเราตำแหน่งไม่เท่ากัน ความรับผิดชอบก็ไม่เท่ากันด้วย
หากแต่การจะเป็นคนที่สามารถทำให้ผู้คนยอมรับนับถือ มันยาก
ไม่ใช่สักแต่ว่ามีหัวโขนครอบอยู่อันนึง แล้วคนอื่นก็ต้องให้ความเคารพ
ก็ใช่หรอกนะ แต่เราให้ความเคารพต่อหัวโขนนั้น ไม่ใช่คนที่ใส่มันอยู่
เหมือนทหาร บั้งเล็กๆก็ต้องตะเบ๊ะบั้งใหญ่ๆ แค่นั้นเอง
แต่ถ้าผู้คนเค้าให้ความเคารพตัวเรา มากกว่าหัวโขนที่เราสวมอยู่สิ.. อันนี้ค่อยน่าอภิรมณ์หน่อย
เป็นปลื้มเลยแหละ
ไม่อยากจะบอกเลยว่าหนูทำผิด แต่มันก็เป็นแค่ผิดวิธีเท่านั้นเอง
ที่ถูกแล้ว หนูน่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกหัวหน้างานของหนู แล้วให้หัวหน้าเขียนเมล์ฉบับนั้นส่งไปให้เค้า
ผลที่ตามมามีหลายแนวให้คิด
1. หัวหน้าอาจจะไม่ทำตามข้อเสนอของหนูก็ได้ อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ อันนี้ค่อยมาวิพากษ์หัวหน้ากันอีกรอบ
2. ถ้าหัวหน้าส่งให้ หนูก็สบายตัวไม่ต้องมีเรื่องกลุ้มใจมากกว่าเท่าที่มีอยู่แล้ว แล้วเขาก็จะมองหนูในความรู้สึกทางบวกอีกด้วย
โกขอย้ำว่ารักหนูเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หนูอยากระบาย โกก็อยากอธิบาย
แค่นั้นเอง..
นะจ๊ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)