Why COMPLICATE Life?
Missing somebody? ………. Call
Wanna meet up? ………. Invite
Wanna be understood? ………. Explain
Have question? ………. Ask
Don’t like something? ………. Say it
Like something? ………. Ask for it
Love someone? ………. Tell it
Nobody will know what's going in your mind…
It's better to express rather than to Expect ….
You already have the NO. Take the risk of getting the YES
We just have one life. Keep it Simple Silly ….
เอกสารภาษาอังกฤษข้างบนนั่น
มีเผยแพร่ใน facebook
มานานแล้ว มีคนเข้ามากด Like มากมาย
คนเราควรจะทำอะไรๆ
อย่างที่ใจอยากทำไปซะทุกเรื่องตามนั้น จริงๆหรือ ?
คิดถึงใครบางคน .....
โทรหาสิ
อยากจะพบปะกัน ..... เชิญเขาสิ
อยากให้เขาเข้าใจ ..... อธิบายสิ
มีปัญหาสงสัย ..... ถามสิ
ไม่ชอบอะไร ..... พูดมาเลย
ชอบอะไร ..... ขอสิ
รักใครสักคน ..... บอกไปสิ
ถ้าอะไรๆ มันง่าย อย่างนั้นมันก็ดีนะครับ
และเพราะเหตุที่คนสมัยใหม่ชอบที่จะยึดติดกับอะไรที่มันง่ายๆ แบบนี้กระมัง
คนสมัยนี้ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเพิ่งโต จึงออกแนวก้าวร้าว
ไร้สัมมาคารวะกันไปหมด
คิดอยากทำอะไรก็ทำ คิดอยากพูดอะไรก็พูด โดยไม่ต้องสนใจว่าคนฟังเป็นใคร
รู้สึกอย่างไร
ลองหัดกลับมาดูคำสอนของพระพุทธเจ้าหน่อยนึง
พุทธองค์สอนว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด และที่สำคัญ คือ ตอนไหนควรพูด ตอนไหนไม่ควรพูด
1.
วาจาใดไม่จริง ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และไม่เป็นที่รักชอบใจของคนอื่น
ตถาคตไม่พูดวาจานั้น
2.
วาจาใดจริง แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ทั้งไม่เป็นที่รักชอบใจของคนอื่นด้วย
ตถาคตไม่พูดวาจานั้น
ตถาคตไม่พูดวาจานั้น
3.
วาจาใดจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่ไม่เป็นที่รักชอบใจของคนอื่น
ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้จักกาลอันควร หรือไม่ควรที่จะพูดวาจานั้น
ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้จักกาลอันควร หรือไม่ควรที่จะพูดวาจานั้น
4.
วาจาใดไม่จริง ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ถึงเป็นที่รักชอบใจของคนอื่น
ตถาคตไม่พูดวาจานั้น
ตถาคตไม่พูดวาจานั้น
5.
วาจาใดแม้จริงแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ถึงเป็นที่รักชอบใจของคนอื่น
ตถาคตก็ไม่พูดวาจานั้น
ตถาคตก็ไม่พูดวาจานั้น
6.
วาจาใดจริงแท้ด้วย ประกอบด้วยประโยชน์ด้วย
ทั้งเป็นที่รักชอบใจของคนอื่นด้วย
ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพูดวาจานั้น
ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพูดวาจานั้น
ภาษาไทยมีคำอยู่คำหนึ่ง ที่ยากต่อการแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ตรงตามความหมาย
คือคำว่า "เกรงใจ"
เมื่อก่อนจะพูดกันว่า "ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี"
ฟังแล้วเข้าใจยาก
เพราะคนฟังจะเถียงว่า ก็ชั้นไม่ใช่ผู้ดี จึงไม่ต้องเกรงใจใคร ..
อยากจะบอกใหม่ว่า "ความเกรงใจเป็นสมบัติของคน"
ไม่ว่าจะยากดีมีจน เป็นไพร่ เป็นคหบดี พ่อค้า ประชาชน อำมาตย์ หรืออะไรก็แล้วแต่
ลงว่ามีความรู้สึกเกรงอกเกรงใจในกันและกันแล้ว
อะไรๆ ในโลกนี้ มันก็จะดูดีไปหมดแหละครับ
สาธุ.